วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

UNIT 2 : Careers

หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense
Present Perfect Continuous Tense


โครงสร้าง คือ Subject + has/have + been + Ving

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และกำลังดำเนินอยู่ต่อไป
ตัวอย่าง
I have been playing football for 30 minutes. (ฉันเตะฟุตบอลมาเป็นเวลา 30 นาที (และเขาก็ยังคงเตะฟุตบอลต่อไป))
Gary has been washing his clothes for 5 minutes. (แกรี่ซักเสื้อของเขามาเป็นเวลา 5นาที (และแกรี่ก็ยังคงซักเสื้อต่อไป))
She has been learning piano since she was eight. (เธอเรียนเปียโนตั้งแต่เธออายุ 8ปี (และเธอก็ยังเรียนอยู่))

2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และพึ่งจบลงหมาดๆ แต่ยังเห็นผลลัพธ์ต่อเนื่อง
ตัวอย่าง
Gary is out of breath. He has been running. (แกรี่หายใจเหนื่อยหอบ เขาไปวิ่งมา (แกรี่วิ่งมาก่อนแล้วหยุดวิ่งแล้ว ผลลัพธ์คือ เขาเหนื่อยหอบ))
Look at her eyes. I’m sure she has been crying. (ดูที่ตาเธอสิ ฉันแน่ในว่าเธอร้องไห้มา (เธอร้องไห้มาก่อนแล้วหยุดร้องไห้แล้ว ผลลัพธ์คืออยู่ที่ดวงตาของเธอ ทำให้ผู้พูดรู้))

เพิ่มเติม : การใช้ Present Perfect Continuous Tense ในประโยคปฏิเสธ
รูปแบบประโยคปฏิเสธ คือ Subject + has/have + not + been + Ving
ตัวอย่าง
He has not been playing football for 3 hours. (เขาไม่ได้เตะฟุตบอลถึง 3ชั่วโมง)

การใช้ Present Perfect Continuous Tense ในประโยคคำถาม
รูปแบบประโยคคำถาม คือ Has/Have + subject + been + Ving
Tips : แต่การจะถามด้วยประโยค Present Perfect Continuous Tense ผู้ถามจะต้องเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก่อน แล้วจึงถาม
ตัวอย่าง
Your clothes are so dirty. What have you been doing? (เสื้อผ้าคุณสกปรก คุณทำอะไรมา?)
Why is the car wet? Has it been raining? (ทำไมรถเปียก ฝนตกพึ่งตกมาเหรอ?)

แต่บางครั้งในประโยคอาจไม่ต้องบอกผลลัพธ์ก็ได้ ผู้พูดจะรู้เอง โดนที่ไม่ต้องพูด
ตัวอย่าง
How long have you been waiting for me? (คุณรอผมมานานแค่ไหน (ผู้พูดคงเห็นว่า เขามาถึงก่อน เลยถาม))
Has a boy been playing games for 4 hours? (เด็กคนนี้เล่นเกมส์มาแล้ว 4ชั่วโมง เลยเหรอ (ผู้พูดคงเห็นว่า เด็กเล่นเกมส์มาก่อนแล้ว))

Present perfect simple

หลักการใช้ Present Perfect Tense
ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องมายังปัจจุบัน และมีแนวโน้นที่จะดำเนินต่อไปได้อีกในอนาคต เช่น   
I have had a lot of toys.
ฉันมีของเล่นมากมาย (และอาจจะมีของเล่นเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต)
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังส่งผลมายังปัจจุบัน เช่น
It has stopped raining.
ฝนหยุดตกแล้ว (แต่ถนนยังเปียกอยู่)
ใช้พูดถึง เหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆกัน ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยมักใช้คำว่า many/several times, a lot of times, …times, again and again, over and over และอื่นๆ เช่น
I’ve read this book more than 3 times.
ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้มามากกว่าสามรอบแล้ว
ใช้กับเหตุการณ์ที่ เพิ่งสิ้นสุดลง โดยไม่ระบุเวลา ซึ่งมักใช้กับ just, already และ yet

yet มักใช้ในประโยคปฏิเสธ ส่วน just และ already นั้น มักจะใช้กันในประโยคบอกเล่า โดยวางไว้อยู่หน้ากริยาหลัก เช่น
I haven’t finished my homework yet. (ฉันยังทำการบ้านของฉันไม่เสร็จเลย)
I have just finished my homework. (ฉันเพิ่งทำการบ้านของฉันเสร็จ)
I’ve already finished my homework. (ฉันทำการบ้านของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว) 
หากเราระบุเวลาลงไป ประโยคจะต้องใช้ Past Simple Tense เท่านั้น ไม่สามารถใช้ Present Perfect Tense ได้ เช่น
I finished my homework at 7 o’clock. (ฉันทำการบ้านเสร็จแล้วตอนเจ็ดโมงเช้า)
ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งมักใช้กับ just, recently, lately และอื่นๆ
The meeting has just started. (การประชุมเพิ่งจะเริ่มขึ้น)
Have you seen him lately? (คุณได้เจอเขาเมื่อเร็วๆนี้บ้างไหม)
ใช้กับ since (ตั้งแต่) และ for (เป็นเวลา)
I have been here since I was about 15 years old.
ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อายุ 15 (ปัจจุบันฉันก็ยังคงอยู่ที่นี่)
I have had a fever for almost a week.

ฉันเป็นไข้มาประมาณอาทิตย์หนึ่งได้แล้ว (ปัจจุบันฉันก็ยังคงเป็นไข้อยู่เช่นเดิม)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น